วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ภูมิปัญญาชาวบ้าน...กุ้งเหยียด

ประวัติความเป็นมาของกุ้งเหยียด


ภาพ กุ้งเหยียด

กุ้งเหยียด เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านของชุมชนบ้านสาขลา ที่ตั้งอยู่ริมคลองสาขลาซึ่งเป็น คลองที่แยกออกมาจากคลองสรรพสามิตในเขต ต.นาเกลือ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ สภาพพื้นที่ของชาวบ้านสาขลานี้ส่วนใหญ่ถูกขุดขึ้นเป็นบ่อเลี้ยงกุ้ง เนื่องมาจากเลี้ยงกุ้งได้ง่าย เดิมกุ้งเหยียดเริ่มจากการทำเพื่อรับประทานกันเองในบ้าน โดยในขณะนั้นยังไม่ได้ใช้ชื่อเรียกว่า กุ้งเหยียด

                การทำกุ้งเหยียดสมัยก่อนเป็นการนำกุ้งที่เลี้ยงไว้มาต้มให้สุกและใส่น้ำตาลเพื่อเพิ่ม ความหวาน หรือที่คนทั่วไปรู้จักกันในชื่อของ กุ้งเชื่อม หรือ กุ้งหวาน แล้วแต่ลักษณะในการเรียก ตามภูมิภาค ด้วยรสชาติความหอมหวานและสีสันแดงสดของกุ้งที่ดูน่ารับประทาน ทำให้ชาวบ้าน เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์แปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กุ้ง และสามารถยืดอายุการเก็บรักษให้ยาว นานมากยิ่งขึ้น  ชาวบ้านเลยนำเอากุ้งที่มีอยู่มาแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์อาหารและนำไปขายให้กับ ผู้บริโภคโดยใช้ชื่อเรียกว่า กุ้งเหยียด



วิธีการทำกุ้งเหยียด

1. คัดขนาดของกุ้งให้ได้ขนาดเดียวกันที่สำคัญคือกุ้งต้องสด จากนั้นนำมาล้างน้ำให้ผิวของ กุ้งดูขาวสะอาดเป็นอันใช้ได้




2. โรยเกลือเม็ดประมาณ 1 กำมือ นำกุ้งมาหักบริเวณส่วนหลังแล้วทำการจัดวาง ขั้นตอนนี้ ถือเป็นหัวใจสำคัญมาก เพราะแม้จะทำการหักบริเวณส่วนหลังของตัวกุ้งแล้วการที่กุ้งจะเหยียดตรง นั้นอยู่ที่การจัดวางกุ้งแต่ละตัวให้เป็นระเบียบ





3. เรียงกุ้งใส่หม้อทีละตัว จับกุ้งเรียงเป็นชั้นๆซ้อนกันขึ้นไปในหม้อ จัดเรียงกุ้งเป็นแถวประมาณ 4-5 ชั้น สลับกับการเติมน้ำตาลและเกลือในแต่ละชั้น  



4. พอโรยน้ำตาลทรายในชั้นบนสุดแล้วให้เอาฝาปิดให้มิด ใช้ฝาที่ไม่มีหูจับแล้วเอาขอนไม้ หรือเขียงวางทับที่บนฝาหม้อเพื่อไม่ให้กุ้งตัวงอ


5. กุ้งเหยียดนั้นต้มโดยไม่ต้องเติมน้ำ เพราะเมื่อต้มไปสักระยะหนึ่งน้ำในตัวกุ้งจะคายออก มาเอง น้ำที่ออกมาจากตัวกุ้งจะทำให้กุ้งมีรสชาติหวานเพราะความสดของกุ้ง ต้มกุ้งจนน้ำใกล้หมด แต่ยังไม่ถึงกับแห้งสนิทก็เป็นอันใช้ได้ ใช้เวลาในการต้มประมาณ 40-50 นาที


6. เมื่อต้มกุ้งเสร็จ รอจนหายร้อนก็สามารถรับประทานได้ กุ้งเหยียดสามารถรับประทานได้ ทั้งเนื้อและเปลือก รสชาติของกุ้งเหยียดจะหอมและหวาน ตัวกุ้งมีลักษณะกรอบนอกถือเป็นอาหาร และของฝากที่ขึ้นชื่อของบ้านสาขลา กุ้งเหยียดเป็นสินค้า OTOP  4 ดาวที่สร้างรายได้และชื่อเสียง ให้กับชุมชนบ้านสาขลา




การริเริ่มการทำกุ้งเหยียด

ภาพ ลุงกา  พุฒสุข
       นายกา พุฒสุก อายุ 67 ปี หรือที่ชาวบ้านในชุมชนเรียกกันว่า ลุงกา ซึ่งลุงกาเป็นผู้ที่ สืบทอดขั้นตอนการทำกุ้งเหยียดเป็นรุ่นแรกๆของบ้านสาขลา การทำกุ้งเหยียดได้สืบทอดการทำมา จากรุ่นของแม่ลุงกา ซึ่งตอนนั้นไม่ได้คิดชื่อว่าเป็นกุ้งเหยียดแค่ต้มกุ้งขายในตลาดตามปกติ แต่ด้วย เวลาต้มกุ้งพอต้มนานๆเข้าการเดือดของน้ำทำให้ตัวกุ้งมีการเคลื่อนที่ จนทำให้บางครั้งกุ้งดันฝาหม้อ ที่ปิดทับตัวกุ้งไว้ขณะต้มร่วงหล่นลงมา จึงนำครกหินมาวางทับฝาหม้อไว้ ลักษณะของกุ้งหลังต้ม โค้งง้อปกติแต่บางตัวก็มีลักษณะค่อนข้างเหยียดๆบ้าง สันนิษฐานว่ากุ้งที่มีลักษณะเหยียดเพียง ไม่กี่ตัวนั้นอาจจะเป็นตัวกุ้งที่ได้รับการกดทับจากครกหินที่นำมากดทับฝาหม้อไว้ แต่เพราะเห็นว่ากุ้งบางตัวที่มีลักษณะเหยียดดูแปลกและเป็นที่สะดุดตา หลังจากนั้นลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้จน ทำกุ้งเหยียดสำเร็จ
           
          หลังจากนั้นลุงกาได้เปิดร้านลุงกากุ้งเหยียดขึ้นที่ปากทางเข้าชุมชนบ้านสาขลา นับเป็นร้าน แรกที่เริ่มทำกุ้งเหยียดขาย โดยเปิดขายมาเป็นเวลาประมาณ 50 ปี ซึ่งในปัจจุบันมีลูกสาวของ ลุงกาเป็นผู้สืบทอดกิจการกุ้งเหยียดซึ่งก็คือ นางจันทร์แรม สำเภาทอง  ที่ผ่านมาลุงกาได้แบ่งปัน เคล็ดลับรสชาติความอร่อย และวิธีการทำกุ้งเหยียดให้แก่ผู้ที่สนใจในละแวกนั้นอีกด้วย


คลิป สัมภาษณ์




โดย : นางสาว วัลย์วิมล   อุษานภวิถี
ข้อมูลบางส่วนอ้างอิงจาก : http://www.manager.co.th/Food/ViewNews.aspx?NewsID=9560000143920 ,
อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า.



วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557

Creative Commons

เว็ปที่มีสัญลักษณ์ Creative Commons เว็ป http://library.stou.ac.th ( สำนักบรรณสารสนเทศ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช )
- มีสัญลักษณ์ Creative Commons ที่มีความหมายถึง CC-by-nc-nd ให้เผยแพร่โดยต้องระบุที่มาแต่ห้ามดัดแปลง และห้ามใช้เพื่อการค้า
- และใต้รูปในเว็ปไซต์ก็มีการอ้างอิงไว้ว่า
STOU e-Library โดย http://library.stou.ac.th อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ต้นฉบับ.  

วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557

จังหวัดกรุงเทพมหานคร

จังหวัดกรุงเทพมหานคร


  
        กรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวง และเมืองใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการปกครอง การศึกษา การคมนาคมขนส่ง การเงินการธนาคาร การพาณิชย์ การสื่อสาร และความเจริญของประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีชื่อยาวที่สุดในโลกอีกด้วย มีแม่น้ำสำคัญคือ แม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน ทำให้แบ่งเมืองออกเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรี โดยกรุงเทพมหานครมีพื้นที่ทั้งหมด 1,568.737 ตารางกิโลเมตร
          กรุงเทพมหานครเป็นเขตปกครองพิเศษของประเทศไทย มิได้มีสถานะเป็นจังหวัด ซึ่งคำว่า กรุงเทพมหานคร นั้น ยังใช้เป็นคำเรียกสำนักงานปกครองส่วนท้องถิ่นของกรุงเทพมหานครอีกด้วย ปัจจุบันกรุงเทพมหานครใช้วิธีการเลือกตั้งผู้บริหารแบบการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นโดยตรง
เนื่องจากประเทศไทยมีบทบาทด้านวัฒนธรรม สมัยนิยม และการบันเทิงมากขึ้นในการเมืองโลก มหาวิทยาลัยลัฟบะระ (Loughborough University) จึงจัดกรุงเทพมหานครว่าเป็นนครโลกระดับอัลฟาลบ กรุงเทพมหานครมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่น พระบรมมหาราชวัง พระที่นั่งวิมานเมฆและ วัดต่าง ๆ ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 10 ล้านคนในแต่ละปี นับเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศมากที่สุดรองแต่เพียงกรุงลอนดอน เท่านั้น
          ในสมัยอาณาจักรอยุธยา บางกอก (กรุงเทพมหานคร) ยังเป็นเพียงสถานีการค้าขนาดเล็ก ตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา ต่อมาในปี พ.ศ. 2310 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงย้ายเมืองหลวงมาตั้งอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา คือ ฝั่งธนบุรี จึงได้ชื่อว่า กรุงธนบุรี และในปี พ.ศ. 2325 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงย้ายเมืองหลวงมายังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ คือ ฝั่งพระนคร จึงได้ชื่อว่า กรุงรัตนโกสินทร์

ชื่อเมือง
          คำว่า กรุงเทพมหานคร แปล ว่า "พระนครอันกว้างใหญ่ดุจเทพนคร" มาจากชื่อเต็มว่ากรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์  มีความหมายว่าพระนครอันกว้างใหญ่ ดุจเทพนคร เป็นที่สถิตของพระแก้วมรกต เป็นมหานครที่ไม่มีใครรบชนะได้ มีความงามอันมั่นคง และเจริญยิ่ง เป็นเมืองหลวงที่บริบูรณ์ด้วยแก้วเก้าประการ น่า รื่นรมย์ยิ่ง มีพระราชนิเวศใหญ่โตมากมาย เป็นวิมานเทพที่ประทับของพระราชาผู้อวตารลงมา ซึ่งท้าวสักกเทวราชพระราชทานให้ พระวิษณุกรรมลงมาเนรมิตไว้



สัญลักษณ์ประจำกรุงเทพมหานคร
          ตราของกรุงเทพมหานคร เป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ พระหัตถ์ทรงสายฟ้า ตรานี้กรมศิลปากรออกแบบโดยอาศัยภาพเขียนฝีพระหัตถ์ของสมเด็จกรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์เป็นต้นแบบ เริ่มใช้ในปี พ.ศ. 2516ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายราชการ พ.ศ. 2482 ฉบับที่ 60 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 (สมัยเมื่อยังเป็นจังหวัดพระนครนั้นใช้ตราพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทเป็นตราประจำจังหวัด)


          ต้นไม้ประจำกรุงเทพมหานคร คือต้นไทรย้อยใบแหลม (Ficus benjamina)


          คำขวัญของกรุงเทพมหานคร  กรุง​เทพฯ ดุจ​เทพสร้าง เมืองศูนย์กลาง​การปกครอง วัด วัง งาม​เรืองรอง เมืองหลวงของประ​เทศ​ไทย



สถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อน
          กรุงเทพมหานครเป็นจุดท่องเที่ยวจุดหนึ่ง โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ได้แก่ พระบรมมหาราชวัง วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) วัดอรุณราชวราราม วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม พระที่นั่งอนันตสมาคม ตึกใบหยก 2 (ตึกระฟ้าสูงอันดับที่ 44 ของโลก) นอกจากนี้แหล่งช้อปปิ้งต่าง ๆ ได้แก่ สยามพารากอน ตลาดนัดจตุจักร มาบุญครอง เซ็นทรัลเวิลด์ สยามสแควร์ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ เยาวราช พระรามสาม ยูเนี่ยนมอล สยามดิสคัฟเวอร์รี่ และแหล่งร้านอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ ถนนข้าวสาร พิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานคร ได้แก่ ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ นอกจากนี้ในกรุงเทพมหานครยังมีพื้นที่สีเขียวมากมาย สำหรับพักผ่อนหย่อนใจรวมทั้งใช้ออกกำลังกายและพบปะสังสรรค์ ซึ่งได้แก่ สวนหลวง ร.9 อุทยานเบญจสิริ สวนลุมพินี สวนจตุจักรเป็นต้น
ในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บริเวณถนนราชดำเนินและอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจะ มีการจัดแต่งประดับไฟเพื่อเฉลิมฉลองอย่างสวยงาม นอกจากนี้ เนื่องจากกรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางทางความเจริญทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง การค้า การลงทุน และการปกครองในทุก ๆ ด้านของประเทศ จึงส่งผลให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่มีตึกระฟ้ามากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลกอีกด้วย
          จากเว็บไซต์ยูโรมอนิเตอร์ ใน พ.ศ. 2549 กรุงเทพฯ มีจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุดในโลกเป็นอันดับสองรองจากลอนดอน และ กรุงเทพมหานครได้รับเลือกให้เป็นเมืองน่าเที่ยวอันดับหนึ่งของโลกประจำปี พ.ศ. 2553 และ 2554 ตามการจัดอันดับของนิตยสารทราเวลแอนด์เลเชอร์


พระบรมมหาราชวัง วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)
          วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า วัดพระแก้ว นั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๕ แล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๓๒๗
          เป็นวัดที่สร้างขึ้นในเขตพระบรมมหาราชวัง ตามแบบวัดพระศรีสรรเพชญ สมัยอยุธยา วัดนี้อยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอก ทางทิศตะวันออก มีพระระเบียงล้อมรอบเป็นบริเวณ เป็นวัดคู่กรุงที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ใช้เป็นที่บวชนาคหลวง และประชุมข้าทูลละอองพระบาทถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา  
                     


พระที่นั่งอนันตสมาคม
          เริ่มก่อสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๕  เพื่อเป็นที่รับรองแขกเมืองและประชุมปรึกษาราชการแผ่นดิน   ตัวอาคารเป็นอาคารหินอ่อนแบบเรอเนอซองส์ของประเทศอิตาลีและแบบนีโอคลาสสิก ภายนอกประดับด้วยหินอ่อนจากเมืองคารารา  ประเทศอิตาลี   ใช้เวลาในการก่อสร้างทั้งสิ้นแปดปี
ภายในพระที่นั่งบนเพดานโดมมีภาพ เขียนเฟรสโกที่สวยงามมาก  เป็นภาพเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจที่สำคัญของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑-๖ แห่งราชวงศ์จักรี จำนวน ๖ ภาพ โดยฝีมือเขียนภาพของนายซี. รีโกลีและศาสตราจารย์แกลิเลโอ กินี    ใต้โดมกลางเป็นโดมใหญ่ที่สุดมีจารึกพระปรมาภิไธยย่อ "จปร." ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวผู้ทรงมีพระราชดำริก่อสร้าง พระที่นั่งอนันตสมาคม ที่เพดานนับจากใต้โดมตลอดทั้งบริเวณท้องพระโรงกลางมีจารึกพระปรมาภิไธยย่อ "จปร." สลับกับ "วปร." อันเป็นพระปรมาภิไธยย่อของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งเป็น ช่วงเวลาที่พระที่นั่งอนันตสมาคมได้ก่อสร้างแล้วเสร็จ      พระที่นั่งอนันตสมาคมใช้เป็นที่ประกอบพระราชพิธีรัฐพิธีต่างๆ   และเคยใช้เป็นที่ประชุมรัฐสภา ภายหลังจึงได้ย้ายการประชุมมายังรัฐสภาใหม่ซึ่งอยู่ด้านหลังของพระที่นั่ง นี้


ตึกใบหยก 2 (ตึกระฟ้าสูงอันดับที่ 44 ของโลก)  เป็นอาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย



ถนนเยาวราช 
          ถนนสายนี้ได้ขนานนามว่า ไชน่าทาวน์ของเมืองไทย เนื่องจากตลอดสายของถนนเป็นแหล่งทำมาหากิน และที่อยู่อาศัยของชาวจันจำนวนมาก นับได้ว่าเป็นชุมชนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย




















วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2557

Wanvimon Usanapavitee

สวัสดีค่ะอาจารย์ หนูชื่อ นางสาว วัลย์วิมล  อุษานภวิถี  ชื่อเล่นชื่อมลนะค่ะ ตอนนี้หนูอายุ 21 ปี อยู่สาขาวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ คณะนิเทศศาสตร์ ที่เลือกมาเรียนคณะนี้ก็เพราะชอบการพบปะผู้คนเยอะๆ ชอบสังคม หนูเป็นคนยิ้มง่าย พูดเก่ง เพื่อนๆให้ฉายาว่าพูดจนน้ำไหลไฟดับ หนูค่อนข้างเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี หนูมีความชอบหลายอย่าง ถ้าเป็นเรื่องของอาหารการกิน หนูชอบกินอาหารญี่ปุ่นชอบหาร้านอาหารจากอินเตอร์เน็ตแล้วก็ไปชิม หนูชอบสีชมพูพวกเมโลดี้คิตตี้เพราะมันดูแล้วน่ารักเลยเสียเงินกับเรื่องไร้สาระบ่อยๆ ชอบในเรื่องของการท่องเที่ยวด้วยค่ะ ชอบไปทะเล ภูเขา แต่หนูไม่ชอบพวกสัตว์ต่างๆบางทีสัตว์น่ารัก อย่างสุนัข แมวที่คนอื่นชอบกัน หนูก็ดันกลัวชอบคิดว่ามันจะกัด กิจวัตรประจำวันของหนูก็ไม่ค่อยมีอะไรมาก ถ้าตื่นมาวันนั้นว่างก็จะออกไปข้างนอกดูหนังเดินเที่ยวห้างบ้าง
บางทีก็อ่านนิยายอ่านหนังสือเล่นคอมเพื่อความเพลิดเพลินค่ะ เรื่องพฤติกรรมการใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต หนูก็ใช้บ่อยนะค่ะ ใช้ทำงาน หาข้อมูลทั้งเรื่องเรียนและเรื่องส่วนตัว เว็ปไซต์ที่ชอบเข้าไปบ่อยก็มี Facebook Youtube Google ที่ชอบเพราะได้เข้าไปดูความเคลื่อนไหนในเรื่องข่าวสารได้พูดคุยกับเพื่อนๆค่ะ ขอบคุณค่ะอาจารย์


Quick Reply